![]() |
ภาพ: http://cdn2.ubergizmo.com/wp-content/uploads/2014/02/kentucky-languages.png |
ภาษาที่ใช้กับไมโครคอนโทรลเลอร์นั้น
จะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับไมโครคอนโทรลเลอร์แต่ละตระกูล แต่ภาษาที่ใช้โดยทั่วไป
สามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
ภาษาเครื่อง
ภาษาเครื่อง (Machine Language) เป็นภาษาที่อยู่ในรูปแบบของรหัสเลขฐานสอง
ไมโครคอนโทรลเลอร์สามารถเข้าใจภาษานี้ได้ทันที โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการแปล
แต่เป็นภาษาที่ยากต่อการเรียนรู้ เพราะอยู่ในรูปแบบของเลขฐานสอง
และผู้ใช้ต้องมีความรู้เกี่ยวกับฮาร์ดแวร์เป็นอย่างดี แต่ข้อดีของภาษานี้ คือ
มีขนาดเล็ก ทำงานได้รวดเร็ว และสามารถติดต่อกับฮาร์ดแวร์ได้โดยตรง
ภาษา Assembly
ภาษา Assembly สร้างขึ้นมาเพื่อให้การเขียนโปรแกรมง่ายขึ้น
ภาษา assembly ใช้คำในภาษาอังกฤษแทนรหัสเลขฐานสอง
ในภาษาเครื่อง ดังนั้นในการใช้งาน จะต้องผ่านการแปลจากภาษา Assembly เป็นภาษาเครื่องก่อน ตัวแปลภาษา เรียกว่า Assembler โปรแกรมที่เขียนโดยภาพา
assembly จะทำงานเร็วและมีขนาดเล็ก เพราะว่ามันสามารถเข้าถึง
Hardware ได้โดยตรงเช่นเดียวกับภาษาเครื่อง
แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการเขียนของผู้เขียนด้วย
Interpreters
interpreterคือ
ภาษาระดับสูงซึ่งใกล้เคียงกับภาษาของมนุษย์ โดยจะฝังตัวอยู่ในหน่วยความจำ
และทำหน้าที่อ่านคำสั่งจากโปรแกรมขึ้นมาทีละคำสั่ง ทำการแปลเป็นภาษาเครื่อง
แล้วปฏิบัติตามคำสั่งนั้นๆ ตัวอย่างของ interpreter ที่รู้จักกันดีคือ
ภาษา BASIC ข้อเสียของ interpreter คือ
ทำงานได้ช้า เนื่องจากต้องแปลคำสั่งทีละคำสั่ง
Compilers
compilerคือ
ภาษาระดับสูงซึ่งทำหน้าที่แปลโปรแกรมที่เขียนขึ้นมาทั้งหมดให้เป็นภาษา เครื่อง
จากนั้นจึงนำเอาโปรแกรมที่แปลเสร็จแล้วเข้าไปเก็บในหน่วยความจำ หลังจากนั้นจึงสั่งให้ไมโครคอนโทรลเลอร์ปฏิบัติตามคำสั่งนั้นๆ
ทำให้การทำงานได้เร็วขึ้น ตัวอย่างเช่น ภาษา C เป็นต้น
ภาษา C
ภาษา C กำหนดให้มีรูปแบบของข้อมูลหลายชนิดด้วยกัน
การกำหนดชนิดของตัวแปร (Data หรือ Variable) จะเป็นการกำหนดขนาดของ memory ที่ใช้แทนตัวแปรนั้นๆ ด้วย
ชนิดของตัวแปรที่ใช้กันโดยทั่วไปคือ int char float และ double
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น